“ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี” เจเนอเรชันที่ 11 เปิดตัวไปเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา 3 รุ่นย่อยคือรุ่นอี ราคา 1.529 ล้านบาท, รุ่นอีแอล 1.669 ล้านบาท และรุ่นอาร์เอส 1.799 ล้านบาท ล่าสุด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศ ไทย) ได้จัดทริปทดสอบแอคคอร์ด “ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี” รถสปอร์ตพรีเมียมแฟลกชิปซีดานที่ได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าอีกขั้น มาพร้อมขุมพลังระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ในทุกรุ่นย่อย ตอบสนองทันใจด้วยการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ในระบบเกียร์ E-CVT ที่ให้แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีประสิทธิภาพสูง
ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection ที่พัฒนาใหม่ มอบพลังการขับเคลื่อนที่วางใจได้ทุกเส้นทาง โดยระบบสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (HondaSENSING) ในทุกรุ่นย่อย พร้อมด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายและหลากหลายเทคโนโลยีเชื่อมต่ออันล้ำสมัยที่รองรับสมาร์ตไลฟ์สไตล์บนเส้นทางสายใต้จากจังหวัดภูเก็ต ผ่านทางจังหวัดพังงา และมุ่งหน้าสู่จังหวัดกระบี่รวมระยะทางไป-กลับกว่า 268 กิโลเมตร
โดยก่อนเริ่มกิจกรรมการทดสอบทางผู้บริหารและทีมวิศวกรผู้พัฒนาฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ได้อธิบายข้อมูลจุดเด่นและแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงวิธีใช้งานฟังก์ชันการใช้งานบนเส้นทางจริง ด้านดีไซน์ภายนอกโดยรวมดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ดึงดูดทุกสายตา กระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบแอลอีดี และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบแอลอีดีที่ได้รับการออกแบบให้เข้ากันอย่างลงตัว ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตสีดำในรุ่นอีแอล ที่ “เดลินิวส์ยานยนต์” ได้ขับในทริปนี้คำพูดจาก เว็บสล็อตลิขสิ
ภายในดีไซน์และฟังก์ชั่นตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานหลากหลาย ที่ฮอนด้าได้ติดตั้งเป็นครั้งแรกในแอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ อาทิ ปุ่ม Experience Selection Dial ที่เลือกปรับได้อย่างง่ายดาย Google built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอย ออโต้ แบบไร้สาย รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว
ตลอดเส้นทางไปกลับในการทดสอบสมรรถนะนั้น ทำให้สัมผัสระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดตอบสนองที่ทันใจและทรงพลัง จากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ ให้แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ประสิทธิภาพสูง ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว โดยระบบตอบสนองดั่งใจ
อีกทั้งได้สัมผัสกับการปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างฉลาด ระหว่างโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่แบบไฮบริด และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ นอกจากนี้ในขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ รวมถึงยังได้ฟิลลิ่งการขับขี่ด้วยไฟฟ้าอีกขั้น ด้วยการกดสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ที่ได้รับการพัฒนาโดยเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรกในแอคคอร์ดนั่นเอง รวมทั้งยังเลือกโหมดการขับขี่ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ ผ่านการกดสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่มาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode)
อีกหนึ่งไฮไลต์คือการทดลองการใช้งาน Honda SENSING บนเส้นทางจริง ระบบจะผสานการทำงานของกล้องด้านหน้าและเรดาร์ ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนน โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ เช่นระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน เป็นต้น
ระบบเบรกดีไม่กระโชกโฮกฮาก โดยเฉพาะเมื่อเป็นผู้โดยสารด้านหลังไม่มีอาการเมารถ แม้ว่าจะผ่านสักกี่โค้งก็ตาม นอกจากนี้เทคโนโลยีเชื่อมต่ออันล้ำสมัยรองรับสมาร์ตไลฟ์สไตล์ ที่ฮอนด้าได้ติดตั้งเป็นครั้งแรก โดยทดลองใช้จริงตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่งเพลิดเพลินหูกันไป ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้าดูง่ายไม่ต้องละสายตาออกจากถนนด้านหน้าเลย ทั้งระบบนำทาง ข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นสำหรับคนขับ โดยรวมแอคคอร์ดใหม่สวยสปอร์ต ช่วงล่างแน่น ขับสนุก ออปชันเต็มแถมประหยัดน้ำมันอีกด้วย.
ทางด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อื่น ๆ อาทิ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทางเซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด ถุงลม 8 ตำแหน่ง ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้าและระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง และระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร แต่ขอติตอนฝนตกเม็ดฝนค่อนข้างใหญ่ทำให้มีเสียงรบกวนเข้ามาภายในห้องโดยสาร
อย่างไรก็ตามประสบการณ์การเดินทางที่สมบูรณ์แบบเต็มขั้นได้ชัดเจน ด้วยการขับบนเส้นทางที่ขับผ่านนั้นมีทั้งโค้งต่อเนื่อง ถนนเล็กขับสวนเลน ผ่านชุมชน และการทำเวลาที่มีจำกัดทำให้รับรู้ฟิลลิ่งของระบบช่วงล่างดี เกาะถนนมั่นคงไม่ว่าจะเข้าโค้งด้วยความเร็วก็เอาอยู่ พวงมาลัยแม่นยำ และด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่สะดวกสบายทำให้การขับแอคคอร์ดใหม่สนุกเร้าใจคำพูดจาก สล็อตออนไลน์